เมาคลี ลูกหมาป่า
หากจะกล่าวถึงเรื่องราวของเด็กทารกที่ถูกเลี้ยงดูและมีชีวิตเติบโตขึ้นมาท่ามกลางสัตว์ป่า สำหรับผู้ที่เคยเรียนวิชา ลูกเสือ มาคงสามารถตอบได้เป็นเสียงเดียวกันว่า เมาคลี ลูกหมาป่า ไง
ทั้งนี้ ผู้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า เมาคลี เป็นเรื่องจริง ทว่า เมาคลี ลูกหมาป่าเป็น เรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมอมตะที่ถ่ายทอดมาจากปลายปากกาของ รัดยาร์ด คิปลิ่ง โดยต้นฉบับหนังสือมีชื่อว่า The Jungle Book
กระนั้น หลายคนคงสงสัยว่าแล้ว เมาคลี ลูกหมาป่า เกี่ยวอะไรกับกิจการของ ลูกเสือ ทำไมเราจึงต้องให้คำมั่นสัญญากับ อาเคล่า ทำไมเราต้องร้องเพลงต่างๆเกี่ยวกับ เมาคลี ทำไมเราต้องเรียนรู้เรื่องราวของ เมาคลีสำหรับการนำเรื่องราวของ เมาคลี มาผูกกับกิจการลูกเสือนั้น มีแต่เฉพาะใน ลูกเสือสำรอง(ป.1-ป.3) เท่านั้น ซึ่งก็น่าจะมาจากการที่เมาคลี ลูกหมาป่า มีเนื้อเรื่องที่สนุกสนานน่าติดตาม สร้างจินตนาการ ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ สัตว์ และ ป่าแก่เด็กๆได้อย่างดี อีกทั้งงยังมีจริยธรรมและคติแฝงอยู่มากมาย ด้วยเหตุนี้ เมาคลี ลูกหมาป่า จึงกลายเป็นเหมือนประตูแห่งการเรียนรู้ด่านแรก ของลูกเสือทุกๆคน เพื่อที่จะได้เลื่อนขั้นไปสู่การเป็นลูกเสือสามัญว่าแล้วก็ขอพาทุกท่านกลับเข้าไปในป่าอีกครั้ง กับเรื่องราวของเด็กผู้ชายที่สามารถก้าวข้ามผ่านเส้นแบ่งของสายพันธุ์แห่งชีวิตและดำรงชีวิตอยู่กับสัตว์ต่างๆนานาได้ มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง อาศัยอยู่แถว เทือกเขาซิโอเนีย ในประเทศอินเดีย วันหนึ่ง สามีภรรยาคู่นี้เข้าไปตัดฟืนในป่าโดยพาลูกน้อยไปด้วย พอถึงกลางคืนก็ก่อไฟขึ้น ตกดึกมีเสือโคร่งชื่อ "แชร์คาน" หรือ "อ้ายขาเก" ผ่านมาพบเข้า เสือโคร่งจึงกระโดดตะครุบใส่แต่พลาดตกลงไปในกองไฟ จึงร้องด้วยความเจ็บปวดและวิ่งหนีไป ส่วนสองสามีภรรยาก็ตกใจวิ่งหนีไปเช่นกันจึงทิ้งเผลอทิ้งลูกน้อยไว้ในป่าคนเดียว เด็กน้อยเดินเตาะแตะเข้าไปในป่าลึก บาเกียร่า เสือดำมาพบเข้าเกรงว่าเด็กน้อยจะถูกเจ้า แชร์คาน ตามมาจับกิน จึงนำเด็กชายมาฝากไว้ในถ้ำของหมาป่าครอบครัวหนึ่ง ซึ่งพ่อแม่และลูก 4 ตัว อยู่กันเป็นครอบครัว แม่หมาป่ารีบให้นมแก่เด็กที่เป็นลูกของมนุษย์ด้วยความรักและเลี้ยงดูรวมกับลูกของตนเองราวกับว่าเด็กชายเป็นลูกแท้ๆของนาง พ่อหมาป่าตั้งชื่อให้เด็กคนนั้นว่า เมาคลี ซึ่งแปลว่าลูกกบ เนื่องจากเห็นว่าไม่มีขนเช่นเดียวกับลูกกบตัวน้อยๆเมื่อเมาคลีโตพอรู้ความได้แล้ว ตามกฏของป่าเมื่อหมาป่าครอบครัวใดมีสมาชิกเพิ่มขึ้น จะต้องได้รับการรับรองจากสมาชิกของฝูงหมาป่าก่อน
ดังนั้น ในคืนวันเพ็ญ ณ ผาประชุม อาเคล่า หมาป่าแก่ขนสีเทา นั่งอยู่บนโขดหิน เพื่อเป็นประธานในการรับรองสมาชิกใหม่ของฝูง วิธีการรับองสมาชิก หมาป่าจะนั่งเป็นวงกลม แล้วให้สมาชิกใหม่เข้าไปอยู่ภายในวงกลม จากนั้น หมาป่าก็จะเข้าไปดมกลิ่นและพิจารณารับรอง ซึ่งรวมทั้ง เมาคลี ด้วย ในขณะที่สมาชิกหมาป่าพิจารณานั้น อาเคล่า จะร้องเตือนว่า “ จงดูให้ดี จงดูให้ดี พวกเรารู้กฎแล้ว “
สำหรับเมาคลี มีหมาป่ากลุ่มหนี่งไม่รับรอง แต่กฎของป่ากำหนดว่า ในกรณีที่มีความขัดแย้งกัน จะต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 2 ตัวที่ไม่ใช่พ่อแม่ของลูกหมาป่าให้คำรับรองได้ จึงจะมีสิทธิเข้าอยู่ในฝูง
สำหรับเมาคลี มีหมาป่ากลุ่มหนี่งไม่รับรอง แต่กฎของป่ากำหนดว่า ในกรณีที่มีความขัดแย้งกัน จะต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 2 ตัวที่ไม่ใช่พ่อแม่ของลูกหมาป่าให้คำรับรองได้ จึงจะมีสิทธิเข้าอยู่ในฝูง
เหตุการณ์ ณ ผาประชุม กำลังตึงเครียด พ่อและแม่หมาป่าเตรียมพร้อมที่จะป้องกันเมาคลีไม่ให้ถูกทำร้าย ทันใดนั้น บาลู หมีเฒ่าที่เป็นครูสอนกฎของป่าให้แก่ฝูงหมาป่าก็ให้การรับรอง พร้อมทั้ง บาเกียร่า เสือดำที่กล้าหาญอีกด้วย เมาคลึจึงได้เข้าเป็นสมาชิกของฝูงหมาป่า
อาเคล่า จ่าฝูงอาวุโสจึงให้เมาคลีได้รับการเรียนรู้กฎของป่าจาก บาลู ส่วน บาเกียร่า ได้สอนวิธีการล่าสัตว์ให้แก่เมาคลีตลอดมาเมาคลี เติบโตขึ้น เป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายกำยำแข็งแรง แม้ว่ามติของฝูงจะยอมรับเขา แต่ด้วยสายพันธุ์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำให้ เมาคลี ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการพิสูจน์ตัวเองกับสมาชิกตัวอื่นๆในฝูง เขาและพรรคพวก สามารถบุกทลายปราสาทร้างที่เป็นรังของฝูงลิงนิสัยไม่ดีได้สำเร็จ ไม่นานหลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่เขาต้องชำระหนี้แค้นให้กับพ่อแม่ ที่เข้าใจว่าถูก แชร์คาน เสือโคร่งคู่ปรับที่คอยราวีตลอดมาฆ่าตาย ซึ่งบัดนี้ แชร์คานได้กลายเป็นเสือเฒ่าเจ้าเลห์ แต่ก็ยังคงความน่ากลัวอยู่ในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ฝูงหมาป่าต้องสูญเสียผู้เฒ่าขนสีเงิน อาเคร่า ผู้ดำรงตำแหน่งจ่าฝูงมายาวนานไป ทว่า เมาคลีก็สามารถฆ่าแชร์คานได้ และถลกหนังมันมาประดับบนบัลลังก์จ่าฝูง ซึ่งสมาชิกในฝูงต่างเห็นชอบให้ เมาคลี เป็นจ่าฝูงตัวต่อไปอย่างไรก็ตาม เมาคลี ไม่ได้อยู่ในป่าตลอดไป วันหนึ่งเขาได้พบกับหญิงสาวที่แม่นํ้า หญิงที่เป็นมนุษย์เหมือนเขา เมาคลี เริ่มมีคำถามมากมาย ความรู้สึกแปลกแยกกลับมาอีกครั้ง เมื่อเจอมนุษย์ที่เดินสองขาเหมือนกันอนึ่ง ในขณะนั้น มนุษย์เริ่มรุกลํ้าเข้ามาในป่ามากขึ้น หลายครั้งที่เมาคลีไม่สามารถปกป้องฝูงของเขาจากอาวุธที่เรียกว่า ปืน ได้ไม่นานนัก ทุกตัวลงความเห็นว่า หากมีเมาคลีอยู่ในฝูงจะเป็นเป้าของพวกนายพราน ซึ่งก็อันตรายต่อทั้งตัวเมาคลีเองและฝูง บาลูและบาเกียร่าเข้าใจข้อนี้ดี จึงโน้มน้าวให้ เมาคลี ออกจากป่าไปเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างถูกครรลองในเผ่าพันธุ์ของตนเองแรกเริ่มที่เข้าไปในหมู่บ้าน เมาคลี กลายเป็นตัวประหลาดสำหรับทุกคน เขาต้องพยายามอย่างมากในการปรับตัว ทั้งการเรียนภาษา มารยาทในสังคม การใช้ชีวิตประจำวัน ฯ หลายครั้งที่เขาท้อและคิดจะกลับเข้าไปในป่าแล้วไม่ออกมาอีก แต่บาลู บาเกียร่า ครอบครัวหมาป่าและสมาชิกในฝูงทุกคนต่างก็คอยให้กำลังใจในที่สุดเมาคลีก็สามารถชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขในหมู่บ้านเล็กๆอันเงียบสงบ ถ้าหากจะถามเมาคลีว่า สัตว์อะไรที่น่ากลัวที่สุด คงไม่ใช่ เสือโคร่ง ลิง หมาป่า หมี ฯ
แต่คำตอบที่ได้คงเป็น มนุษย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น